ระบบบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System: EMS)
ระบบบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System: EMS) หมายถึง ระบบอัตโนมัติที่นำเข้ามาใช้ในการควบคุมให้การผลิต การส่งและการใช้พลังงาน รวมถึงการจัดการด้านอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งระบบบริหารจัดการพลังงานจะอาศัยการทำงานประสานกันระหว่างอุปกรณ์ตรวจวัด (Sensor) สมาร์ทมิเตอร์ (Smart meter) และระบบควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าอัตโนมัติ (Actuator หรือ Controller) บนโครงสร้างของระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศ (Information Technology : IT) โดยอาจมีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์) และระบบกักเก็บพลังงานร่วมด้วย เพื่อบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยระบบบริหารจัดการพลังงาน แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
Home Energy Management System : HEMS
เป็นระบบที่เชื่อมโยงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเข้าด้วยกัน โดยสามารถแสดงสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าได้ HEMS ที่มีความสามารถในระดับที่สูงจะสามารถนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาประมวลผล พร้อมทั้งเสนอแนะต่อผู้ใช้ไฟฟ้าถึง วิธีลดการใช้พลังงาน หรือควบคุมการใช้พลังงานอย่างอัตโนมัติทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ภาพระบบบริหารจัดการพลังงานในบ้านเรือน (HEMS)
Building Energy Management System : BEMS
เป็นระบบการจัดการพลังงานที่ช่วยในการควบคุม และติดตามระบบพลังงานภายในอาคาร เช่น ระบบปรับอากาศ ระบบไฟแสงสว่าง เป็นต้น โดยจะรวบรวมข้อมูลที่ตรวจวัดได้มาประมวลและส่งข้อมูลที่จำเป็นให้แก่ผู้ควบคุมระบบอาคาร
ภาพระบบบริหารจัดการพลังงานในอาคาร (BEMS)
Factory Energy Management System : FEMS
เป็นระบบการจัดการพลังงานที่ช่วยในการจัดการ ควบคุม และติดตามระบบพลังงานภายในโรงงาน โดย FEMS จะเป็นระบบที่มีความซับซ้อนมากที่สุด เนื่องจากการใช้พลังงานไฟฟ้าของโรงงานจะแตกต่างกันตามกระบวนการผลิตของโรงงาน ในขณะที่ระบบ BEMS หรือ HEMS มักจะควบคุมระบบปรับอากาศ ระบบทำความร้อน ระบบแสงสว่าง เป็นต้น
ภาพระบบบริหารจัดการพลังงานในโรงงาน (FEMS)
ประโยชน์ของระบบบริหารจัดการพลังงาน
การนำระบบบริหารจัดการพลังงานเข้ามาใช้สามารถทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นในภาคบ้านเรือน อาคาร หรือโรงงานอุตสาหกรรมทราบลักษณะรูปแบบการใช้ไฟฟ้าของตนเองได้ในแต่ละช่วงเวลาโดยละเอียด ผ่านทางระบบแสดงผลในรูปแบบต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์มากขึ้น รวมถึงทราบพฤติกรรมและรูปแบบการใช้ไฟฟ้าของตนเองอย่างชัดเจนมากขึ้น เช่น ทราบว่าการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด มีการใช้พลังงานไฟฟ้าไปกับอุปกรณ์ต่าง ๆ มากน้อยเพียงใด เป็นต้น การรับรู้ข้อมูลการใช้ไฟฟ้าของตนเองในรายละเอียดมากขึ้นสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ ระบบบริหารจัดการพลังงานยังช่วยให้ผู้ใช้ไฟฟ้ามีความสะดวกสบายมากขึ้นในการควบคุมสั่งการอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองโดยลดการใช้ไฟฟ้าในส่วนที่ไม่จำเป็นลง อันจะมีส่วนช่วยในการประหยัดไฟฟ้าและลดค่าไฟฟ้าลงได้
อย่างไรก็ดี ความสำคัญของระบบการบริหารจัดการพลังงาน จะสามารถช่วยสนับสนุนการดำเนินการตอบสนองด้านโหลดให้เป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น จากรูปแบบการตอบสนองด้านโหลดที่ไม่เป็นอัตโนมัติ (Manual Demand Response) ที่เป็นการสื่อสารระหว่างบุคคลเป็นหลัก ไปสู่การตอบสนองด้านโหลดแบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi-Automated Demand Response) หรืออัตโนมัติ (Full-Automated Demand Response) ได้ ผ่านเทคโนโลยีระบบบริหารจัดการพลังงานที่มีความสามารถในการบริหารจัดการ ควบคุมหรือปรับลดการใช้ไฟฟ้าของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ตามการสั่งเรียกมาตรการและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ภาพประโยชน์ของเทคโนโลยีระบบบริหารจัดการพลังงานในอาคาร (BEMS)