การบูรณาการยานยนต์ไฟฟ้า (EV Integration)
การใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่คาดว่าจะมีแนวโน้มสูงมากขึ้นในอนาคตนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้า เนื่องจากยานยนต์ไฟฟ้าต้องการการอัดประจุไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่ด้วยกำลังไฟฟ้าที่สูง ในขณะเดียวกัน แบตเตอรี่เองก็สามารถคายประจุไฟฟ้าเพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าคืนให้กับระบบไฟฟ้าหรือจ่ายให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้ ซึ่งการบูรณาการยานยนต์ไฟฟ้าจะเป็นการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ที่อยู่ในระบบไฟฟ้าและที่มีความเกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีการบริหารจัดการที่เหมาะสมผ่านกลไกต่าง ๆ เช่น การควบคุมโดยตรง การควบคุมโดยใช้ราคา เป็นต้น
ภาพความสัมพันธ์ของการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าต่อระบบไฟฟ้าโดยรวม
สำหรับการประยุกต์ใช้งานการบูรณาการยานยนต์ไฟฟ้าทำได้หลายลักษณะ เช่น การอัดประจุแบบสมาร์ท (Smart Charging) สามารถดำเนินการผ่านกลไกการควบคุมหลายรูปแบบ ได้แก่ โครงสร้างราคาที่อ้างอิงกับเวลา (Time of Use Pricing) การปิดเปิดแบบง่าย (Basic Controlled On-off) การควบคุมการอัดประจุแบบทางเดียวในลักษณะ V1G โดยการปรับเปลี่ยนอัตราการอัดประจุ การควบคุมการอัดประจุแบบสองทาง หรือ V2G คือ การควบคุมแบบ 2 ทิศทาง เหมือนแบบแรกแต่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่โครงข่ายระบบไฟฟ้าได้ นอกจากนี้ยังมี V2H/B คือ ยานยนต์ไฟฟ้าจ่ายไปยังบ้านหรืออาคาร กล่าวคือ ยานยนต์ไฟฟ้าทำหน้าที่เหมือนแหล่งไฟฟ้าเสริมสำหรับบ้านอยู่อาศัยหรืออาคาร รวมทั้ง กลไกลการคุมการอัดประจุผ่านโครงสร้างราคาพลวัต (Dynamic Pricing)
ภาพการประยุกต์ใช้งานการบูรณาการยานยนต์ไฟฟ้า
ประโยชน์ของการบูรณาการยานยนต์ไฟฟ้า
การบูรณาการยานยนต์ไฟฟ้ามีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อระบบไฟฟ้าที่จะมีการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า ในปริมาณมากในอนาคต ซึ่งประโยชน์ของการบูรณาการยานยนต์ไฟฟ้ามีดังนี้
- เพิ่มความยืดหยุ่นในระบบไฟฟ้าทั้งในระบบส่งและระบบจําหน่ายไฟฟ้า โดยทําหน้าที่เสมือนเป็นแหล่งกักเก็บพลังงานแบบกระจายตัวจํานวนมาก
- เพิ่มความสามารถในการทํางานร่วมกับพลังงานทดแทนที่มีความผันผวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการชะลอการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของระบบไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะเพิ่มเข้ามาสูงขึ้นในอนาคต
- สนับสนุนการรักษาสมดุลในระบบไฟฟ้ากําลัง โดยการปรับระดับกําลังไฟฟ้าในการอัดประจุไฟฟ้าให้กับยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพของระดับแรงดันไฟฟ้าและความถี่
- สามารถช่วยการลดความต้องการกําลังไฟฟ้าสูงสุด (Peak Shaving) และให้บริการเสริมความมั่นคงแก่ระบบไฟฟ้ากําลัง (Ancillary Services)
- การบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้า (Energy Arbitrage) และการสํารองพลังงานไฟฟ้า (Back-up Power) ในระดับผู้ใช้ไฟฟ้าหรือโปรซูเมอร์ (Prosumers)