ความเชื่อมโยงการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริด

//ความเชื่อมโยงการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริด
ความเชื่อมโยงการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริด 2024-09-10T21:18:13+07:00

ความเชื่อมโยงการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริดของหน่วยงานหลัก

จากการรวบรวมและติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริด สนพ.ได้จัดทำแผนภาพความเชื่อมโยงของภารกิจการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริดของหน่วยงานหลัก เพื่อให้เกิดการบูรณาการแผนการดำเนินงานและประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ให้บรรลุเป้าหมายตามแผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลาง พ.ศ. 2565 – 2574 รายละเอียด ดังนี้

แผนการดำเนินกิจกรรม/โครงการ ภายใต้เสาหลักที่ 1

การตอบสนองด้านโหลดและระบบบริหารจัดการพลังงาน (DR & EMS)

การดำเนินงานภายใต้เสาหลักที่ 1 ที่มีวัตถุประสงค์หลัก คือ การพัฒนาให้ DR สามารถใช้งานเป็นผลิตภัณฑ์ในระบบไฟฟ้าได้หลากหลาย ทั้งในส่วนด้านกำลังผลิตไฟฟ้า (Capacity) และพลังงานไฟฟ้า (Energy) ด้านข้อจำกัดของระบบส่งและระบบจำหน่าย (T&D Constraint) ด้านการเสริมความสมดุลระบบ (Balancing) ด้านการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน (Contingency Event Management) และด้านบริการเสริมความมั่นคง (Ancillary Services) เพื่อให้ DR สามารถทดแทนโรงไฟฟ้า ลดการก่อสร้างระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้า และทดแทนผลิตภัณฑ์ในระบบไฟฟ้าอื่น ๆ ทั้งในระบบ Wholesale ระดับ Retail และระดับ Community โดยเริ่มต้นจากการใช้งานจริงของการสั่งการ DR แบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi-Auto DR) สำหรับกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม (C&I) ขนาดใหญ่ และขยายกรอบเป้าหมายการสั่งการ DR แบบกึ่งอัตโนมัติ ไปสู่กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท พร้อมกับเริ่มนำร่องและขยายผลการสั่งการ DR แบบอัตโนมัติ (Auto DR) รวมถึงการเปิดโอกาสให้กับผู้เล่นรายใหม่ ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจ DR เพื่อสร้างเป็นธุรกิจใหม่ (New Business)

โครงสร้างการสั่งการ DR ของประเทศไทย แบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ประกอบด้วย (1) ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ (National Control Center: NCC) ซึ่งมีหน้าที่วางแผนและสั่งการการผลิตไฟฟ้ารวมถึงการดำเนินการด้าน DR ตามช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อใช้ทดแทนผลิตภัณฑ์ในระบบไฟฟ้า (Grid Service) ครอบคลุมทุกประเภทที่จะช่วยบริหารจัดการให้เกิดสมดุลระหว่างความต้องการไฟฟ้า (Demand Side) และกำลังการผลิตไฟฟ้า (Supply Side) (2) ศูนย์สั่งการการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response Control Center: DRCC) ซึ่งมีหน้าที่รับคำสั่งการดำเนินการ DR จาก NCC โดยตรง ก่อนจะนำคำสั่งดังกล่าวมาบริหารจัดการและสั่งการต่อไปยังผู้รวบรวมโหลด (3) ผู้รวบรวมโหลด (Load Aggregator: LA) ซึ่งมีหน้าที่เป็นตัวกลางในการรวบรวมความสามารถของการตอบสนองด้านโหลดจากผู้ใช้ไฟฟ้าให้ได้ครบปริมาณและส่งมอบตามคำสั่งจากศูนย์ DRCC โดยในระยะเริ่มต้นการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายทั้ง 2 แห่ง จะทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมโหลดระดับที่ 1 (LA Level 1) จากนั้นจะเปิดให้เอกชนเข้ามามีบทบาทเป็นผู้รวบรวมโหลดระดับที่ 2 (LA Level 2) ของช่วงเริ่มต้นการดำเนินธุรกิจ และสามารถพัฒนาไปสู่ผู้รวบรวมโหลดระดับที่ 1 ได้ หากมีศักยภาพเพียงพอ และ (4) ผู้เข้าร่วมการตอบสนองด้านโหลด (DR Participants) ซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าที่เข้าร่วมโปรแกรม DR มีหน้าที่ปรับลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาที่เกิดการร้องขอจาก LA โดยมีเป้าหมายสำคัญภายใต้แผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลาง ภายใต้เสาหลักที่ 1 คือ “เกิดการสั่งการและใช้งานการตอบสนองด้านโหลด (DR) แบบอัตโนมัติ (Auto DR) และแบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi-Auto DR) ครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้า ทุกประเภท สามารถทดแทนผลิตภัณฑ์ในระบบไฟฟ้าได้หลากหลายในเชิงพาณิชย์และครอบคลุมทุกรูปแบบการให้บริการ (Grid Service) โดยจะกำหนดเป้าหมายการตอบสนองด้านโหลด (DR) ลงในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan: PDP)” ซึ่งผลประโยชน์ของการดำเนินงานจะสามารถเป็นทางเลือกในการเพิ่มความยืดหยุ่นของระบบไฟฟ้าให้สามารถรองรับพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานรูปแบบใหม่ในอนาคตได้มากขึ้น จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น สามารถนำมาเขียนเป็นแผนภาพความเชื่อมโยงดำเนินงานฯ ภายใต้เสาหลักที่ 1 ดังนี้

ความสัมพันธ์ภารกิจ/กิจกรรมของ 5 หน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย

การดำเนินงานภายใต้เสาหลักที่ 1 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ จะต้องเกิดการประสานความร่วมมือและบูรณาการแผนการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายตามแผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลาง โดยความเชื่อมโยงภารกิจหรือหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ ของเสาหลักที่ 1 จำนวน 5 หน่วยงาน โดยแต่ละหน่วยงานมีภารกิจการดำเนินงาน ดังนี้

แผนภาพความสัมพันธ์ภารกิจ/กิจกรรมของ 5 หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายเสาหลักที่ 1

  1. สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เป็นผู้รับผิดชอบหลักด้านนโยบาย โดยดำเนินการศึกษา (EPPO-1-01) เพื่อกำหนดนโยบายและแผนการรับซื้อการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response) ภายใต้แผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริด ระยะปานกลาง พ.ศ. 2565 – 2574 และพัฒนาความร่วมมือ (EPPO-1-02) ในการกำหนดฉลากอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อรองรับการสั่งการการตอบสนองด้านโหลดแบบอัตโนมัติ (Auto Demand Response) โดยผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกันของอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบบริหารจัดการการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีศักยภาพและมีความเหมาะสมกับประเทศไทย ในรูปแบบของฉลากอุปกรณ์ไฟฟ้า และส่งเสริมให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าในการออกแบบ/ปรับปรุงอุปกรณ์ไฟฟ้าให้สามารถรองรับการ สั่งการ DR ได้ รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการรองรับผู้รวบรวมโหลด (LA) ภาคเอกชน
  2. สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน สกพ.) เป็นผู้รับผิดชอบหลักด้านกฎระเบียบ โดยดำเนินการศึกษา (ERC-1-01) และจัดทำกรอบมาตรฐาน/ข้อกำหนดที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับการเชื่อมต่อและการสื่อสารรองรับการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response) และศึกษา (ERC-1-02) และจัดทำกฎระเบียบต่าง ๆ ที่จำเป็นและเหมาะสม เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับผู้รวบรวมโหลด (LA) ภาคเอกชน และรองรับการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response) ทั้งแบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi-Auto DR) และแบบอัตโนมัติ (Auto DR) รวมถึงรองรับธุรกิจใหม่ (New Business) และผู้เล่นรายใหม่ ๆ ในโครงสร้างของการตอบสนองด้านโหลดและระบบบริหารจัดการพลังงาน (DR & EMS Ecosystem)
  3. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้รับผิดชอบหลักด้านเทคนิค โดยดำเนินการศึกษา (EGAT-1-01) ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินงานของโครงการนำร่อง DR  ในด้านการควบคุมระบบไฟฟ้า พร้อมกับเตรียมการเพิ่มความสามารถ (EGAT-1-02) ของระบบ EGAT DRMS ให้สามารถรองรับการจัดการปัญหาข้อจำกัดในระบบส่งไฟฟ้า (Transmission Constraints) และรองรับโปรแกรม DR (EGAT-1-04) ที่ให้บริการผลิตภัณฑ์ในระบบไฟฟ้าที่หลากหลาย รวมถึงให้ครอบคลุมการเข้าร่วมของผู้เล่นรายใหม่ (New Players) ในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีการบูรณาการ (EGAT-1-03) ระหว่างศูนย์ควบคุมการตอบสนองด้านโหลดกับศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ (DRCC-NCC) เพื่อรองรับการสั่งการจาก NCC ที่รวดเร็ว สำหรับ Fast DR Dispatch
  4. การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เป็นผู้รับผิดชอบหลักด้านเทคนิค โดยดำเนินการนำร่อง (MEA-1-01) ระบบบริหารจัดการพลังงานแบบผสมผสานในอาคารซึ่งรองรับและเชื่อมต่อระบบการตอบสนองด้านโหลดแบบอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัติ และเตรียมความพร้อม (MEA-1-02) กฟน. เป็น Load Aggregator เพื่อรองรับกิจกรรมตามแผน Smart Gird ระยะกลาง และการขยายผลโครงการ นำร่องฯ สู่การดำเนินการถาวรของประเทศไทย
  5. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นผู้รับผิดชอบหลักด้านเทคนิค โดยดำเนินการพัฒนา (PEA-1-01) ระบบบริหารจัดการพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการพลังงานให้สามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้สูงสุด เพื่อรองรับกิจกรรมตามแผน Smart Gird ระยะกลาง และการขยายผลโครงการนำร่องฯ สู่การดำเนินการถาวรของประเทศไทย

แผนการดำเนินกิจกรรม/โครงการ ภายใต้เสาหลักที่ 2

การพยากรณ์ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานหมุนเวียน (RE Forecast)

การดำเนินงานภายใต้เสาหลักที่ 2 ที่มีวัตถุประสงค์หลัก คือ การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลสำหรับการพยากรณ์ (Data Forecast Center) โดยมีแนวทางการดำเนินงานที่ต้องมีการเริ่มพัฒนาระบบการพยากรณ์แบบรวมศูนย์ (Centralized) ในระยะแรก และต้องมีการขยายผลการพัฒนาในรูปแบบระบบการพยากรณ์แบบแยกจากศูนย์กลาง (Decentralized) ในระยะปานกลาง และลำดับสุดท้ายที่ต้องเกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่การพัฒนาระบบการพยากรณ์แบบแยกจากศูนย์กลางและแบบกระจาย (Decentralized and Distributed) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือ “เกิดการใช้งานระบบพยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ครอบคลุมทั้งโรงไฟฟ้า SPP, VSSP รวมถึง Prosumer-Aggregator” ซึ่งการพยากรณ์ฯ เป็นเสาหลัก ในการพัฒนาระบบไฟฟ้าให้มีความชาญฉลาดมากขึ้น และมีส่วนสำคัญในการวางแผนการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าและการใช้โครงข่ายไฟฟ้าฯ เพื่อรองรับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่เข้ามาต่อเชื่อมกับระบบฯ จำนวนมาก
ในอนาคต นอกจากนี้ศูนย์ข้อมูลฯ ต้องสามารถรับ/ส่งข้อมูลกับศูนย์ข้อมูลพลังงานแห่งชาติ (National Energy Information Center) ที่จะบูรณาการข้อมูลร่วมกับเครือข่ายศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงรับ/ส่งข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กฟผ. กฟภ. กฟน. สำนักงานกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) หน่วยงานอิสระ หน่วยงานหรือองค์กรที่ต้องการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ นักวิชาการอิสระ กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน หรือกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าใช้เอง จากเป้าหมายฯ ข้างต้น สามารถนำมาเขียนเป็นแผนภาพความเชื่อมโยงดำเนินงานฯ ภายใต้เสาหลักที่ 2 ดังนี้

แผนภาพความเชื่อมโยงของเสาหลักที่ 2

ความสัมพันธ์ภารกิจ/กิจกรรมของ 5 หน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย

การดำเนินงานภายใต้เสาหลักที่ 2 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ จะต้องเกิดการประสานความร่วมมือและบูรณาการแผนการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายตามแผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลาง โดยความเชื่อมโยงภารกิจหรือหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ ของเสาหลักที่ 2 จำนวน
5 หน่วยงาน โดยแต่ละหน่วยงานมีภารกิจการดำเนินงาน ดังนี้

แผนภาพความสัมพันธ์ภารกิจ/กิจกรรมของ 5 หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายเสาหลักที่ 2

  1. สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ดำเนินการศึกษา (EPPO-2-01) เพื่อกำหนดนโยบายส่งเสริมการพยากรณ์จากแหล่งผลิตไฟฟ้าในระดับต่าง ๆ และศึกษาผลกระทบของการพยากรณ์ต่อการวางแผนการเดินโรงไฟฟ้า ร่วมถึงศึกษา (EPPO-2-02) รูปแบบและบทบาทหน้าที่ของ TSO และ DSO เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงาน เพื่อประเมินผลกระทบของการพยากรณ์ต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าและปริมาณกำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง ร่วมถึงหาแนวทางส่งเสริมการพยากรณ์และการประยุกต์ใช้งานข้อมูลการพยากรณ์ในระบบส่ง (TSO) และระบบจำหน่ายไฟฟ้า (DSO)
  2. สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน สกพ.) ดำเนินการศึกษา (ERC-2-01) และจัดทำกรอบหลักเกณฑ์ Grid Code และมาตรฐานโปรโตคอลการสื่อสารที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับบังคับใช้การส่งข้อมูลการพยากรณ์/สภาพอากาศ และข้อมูลการผลิตไฟฟ้า และศึกษา (ERC-2-02) และจัดทำกรอบหลักเกณฑ์ที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับมาตรฐานดัชนีความแม่นยำของการพยากรณ์ทั้งรูปแบบของการพยากรณ์แบบวันล่วงหน้าและชั่วโมงล่วงหน้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดมาตรฐานการรับ-ส่งข้อมูลการพยากรณ์/อากาศ และข้อมูลการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในระดับต่าง ๆ นอกจากนี้ยังต้องมีการกำหนดดัชนีชี้วัดความแม่นยำของการพยากรณ์ที่เป็นเครื่องมือสำคัญของการประเมินประสิทธิภาพของการพยากรณ์ในระยะยาว
  3. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินการ (EGAT-2-01) นำร่องการพยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของโรงไฟฟ้า VSPP นอกจากนี้ยังมีการดำเนินการ (EGAT-2-02) การพยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแบบ Ensemble ของโรงไฟฟ้า SPP โดยภารกิจทั้งหมดเป็นการนำผลการพัฒนาฯ ไปสู่การใช้งานจริงทั้งในระดับ SPP และ VSPP และเตรียมพร้อมจากผลการศึกษาเพื่อปรับปรุงการพยากรณ์ให้เป็นแบบ Ensemble ก่อนการขยายผลเพื่อช่วยยกระดับความแม่นยำของการพยากรณ์ในระยะยาว
  4. การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ดำเนินการพัฒนา (MEA-2-01) ต้นแบบระบบพยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจาก RE เพื่อทำการศึกษาความเหมาะสมระยะแรกของผลการพยากรณ์โรงไฟฟ้า VSPP รวมถึงผู้ใช้ไฟฟ้าในระดับ Prosumer และนำผลการพยากรณ์มาประยุกต์ใช้งานในรูปแบบ ผู้รวบรวมโหลด (Aggregator) อีกด้วย
  5. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินการพัฒนา (PEA-2-01) ศูนย์ข้อมูลพยากรณ์พลังงานหมุนเวียน กฟภ. (Renewable Energy Forecast center) ดำเนินการศึกษารูปแบบการพยากรณ์โรงไฟฟ้า VSPP และผลกระทบที่มีต่อระบบจำหน่ายไฟฟ้าฯ เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาต่อไปในอนาคต

แผนการดำเนินกิจกรรม/โครงการ ภายใต้เสาหลักที่ 3

ระบบไมโครกริดและโปรซูเมอร์ (Microgrid & Prosumer)

การดำเนินงานภายใต้เสาหลักที่ 3 มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนระบบไมโครกริดและโปรซูเมอร์ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้งานพลังงานหมุนเวียนในไมโครกริดและโปรซูเมอร์เชิงพาณิชย์ในกลุ่มบริษัทเอกชน (บนรูปแบบ Single user microgrid) ที่ดำเนินการโดย หน่วยงานกำกับฯ ควบคู่กับ การเตรียมความพร้อมทางเทคนิคและโครงสร้างพื้นฐานโดยการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง โดยเฉพาะหน่วยงานการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาการใช้ ประโยชน์ของระบบไมโครกริดและโปรซูเมอร์ จากภาคเอกชนมาใช้ร่วมกันในการบริหารจัดการโครงข่ายไฟฟ้าที่มีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนสูง และด้วยไมโครกริดและโปรซูเมอร์มีรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายการพัฒนาในระยะเริ่มต้น มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง จะดำเนินการติดตั้งและใช้งานระบบไมโครกริด เริ่มจากพื้นที่ห่างไกล (Off-Grid/Remote MG) รวมถึงพื้นที่ ที่มีโหลดสำคัญ (Critical Load) โดยมีการร่วมมือกับผู้ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าเองในพื้นที่หรือโปรซูเมอร์ (Prosumer) ที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้า ทั้งในกลุ่มที่อยู่อาศัย อาคารรัฐ และเอกชน ก่อนที่จะนำร่องการสนับสนุนไปยังพื้นที่โครงข่ายไมโครกริดชุมชน (Community Microgrid) ซึ่งเป็นพื้นที่ on-grid ระดับชุมชนที่มีแหล่งผลิตจากพลังงานหมุนเวียน โดยมีเป้าหมายรองรับการเพิ่มขึ้นของโหลดที่มีความผันผวนสูงและยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในกลุ่มมหาวิทยาลัย ชุมชน หมู่บ้านจัดสรร และห้างสรรพสินค้า และเปิดโอกาสให้กลุ่มธุรกิจเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมติดตั้งและใช้งาน MG/Prosumer (บนรูปแบบ Single user microgrid) ที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้า เสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในกลุ่มธุรกิจตนเอง รวมถึงการเสริมภาพลักษณ์การใช้พลังงานสะอาด ในขณะเดียวกัน หน่วยงานการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายศึกษาแนวทางการใช้ประโยชน์ร่วมกับระบบส่ง/จำหน่ายไฟฟ้าและขยายเขตบริการอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เกิดการใช้งานระบบไมโครกริดเชิงพาณิชย์ ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างไมโครกริดในกลุ่มอุตสาหกรรม (Industrial Microgrid) ที่มีแหล่งผลิตไฟฟ้าหลักจากพลังงานหมุนเวียน และสามารถรองรับโหลดที่ต้องการความเชื่อถือได้สูงได้อย่างเป็นรูปธรรม จนกระทั่งนำไปสู่การใช้ประโยชน์รองรับการสั่งการในรูปแบบเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าเสมือน (VPP) ของระดับสถานีไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Substation) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสั่งการระบบไฟฟ้าในอนาคตของประเทศไทย ซึ่งแหล่งพลังงานแบบกระจายศูนย์ที่มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพนี้ จะสามารถช่วยรักษาความมั่นคงในการผลิตพลังงานในระดับประเทศได้

ดังนั้น เป้าหมายสำคัญภายใต้แผนการขับเคลื่อนในระยะปานกลางของเสาหลักที่ 3 ระบบไมโครกริดและโปรซูเมอร์ (Microgrid & Prosumer) ในประเทศ คือ “การเกิดการใช้งานพลังงานหมุนเวียนสำหรับไมโครกริด และโปรซูเมอร์ (RE base Microgrid/Prosumer) เชิงพาณิชย์ที่เป็นการดำเนินการปกติ (Business as Usual) และไมโครกริด (Microgrid) ช่วยในการบริหารจัดการโครงข่ายไฟฟ้าที่มีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนสูง (High %RE Penetration)” ซึ่งผลประโยชน์จากการพัฒนาและดำเนินงานจะช่วยลดความต้องการไฟฟ้าโดยรวมของประเทศ ส่งผลให้สามารถชะลอการสร้างโรงไฟฟ้าและการขยายระบบส่งและระบบจำหน่ายใหม่ นอกจากนี้ ระบบไมโครกริดสามารถช่วยสนับสนุนให้แผนการจัดหากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan: PDP) บรรลุเป้าหมายในการรองรับการเกิดเหตุวิกฤตด้านพลังงานและความมั่นคงรายพื้นที่ รวมถึงการสร้างสมดุลของระบบไฟฟ้าตามภูมิภาค จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น สามารถนำมาเขียนเป็นแผนภาพความเชื่อมโยงดำเนินงานฯ ภายใต้เสาหลักที่ 3 ดังนี้

แผนภาพความเชื่อมโยงของเสาหลักที่ 3

ความสัมพันธ์ภารกิจ/กิจกรรมของ 5 หน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย

การดำเนินงานภายใต้เสาหลักที่ 3 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ จะต้องเกิดการประสานความร่วมมือและบูรณาการแผนการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายตามแผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลาง โดยความเชื่อมโยงภารกิจหรือหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ ของเสาหลักที่ 3 จำนวน 5 หน่วยงาน โดยแต่ละหน่วยงานมีภารกิจการดำเนินงาน ดังนี้

ความสัมพันธ์ของหน่วยงานหลักที่ได้รับมอบหมาย ภายใต้เสาหลักที่ 3

  1. สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ดำเนินการตามโครงการ (EPPO-3-01) ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาแนวทางการบริหารจัดการและนโยบายที่สนับสนุนการใช้งานระบบไมโครกริดและโปรซูเมอร์ เพื่อรองรับการจัดทำแผน PDP รวมถึงแผนพัฒนาระบบส่งและระบบจำหน่ายของประเทศ โดยควบคู่ไปกับโครงการ (EPPO-3-02) ศึกษาเชิงนโยบายเพื่อสนับสนุนการนำไมโครกริด มาใช้ประโยชน์ร่วมกับระบบไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการใช้งานไมโครกริด ซึ่งมีความสอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าในเขตเมืองและพื้นที่ที่มีการใช้ VRE สูง โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการใช้งานเชิงพาณิชย์ โดยเน้นการเตรียมความพร้อมในการรองรับการขยายตัวของไมโครกริดในภาคอุตสาหกรรมในอนาคต ก่อนขยายผลการศึกษาที่จะนำไปสู่การส่งเสริมและสาธิตการใช้งานโรงไฟฟ้าเสมือน (VPP) ในการบริหารจัดการไมโครกริดและโปรซูเมอร์ที่เหมาะสมในระบบโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศไทยในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ
  2. สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน สกพ.) ได้ดำเนินการจัดโครงการ(ERC-3-01) ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและการจัดทำหลักเกณฑ์กฎระเบียบที่จำเป็นและเหมาะสม โดยจะครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ที่จะสนับสนุนการขยายผลการพัฒนาไมโครกริดและโปรซูเมอร์ไปสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการศึกษาเชิงเทคนิคในการกำหนดมาตรฐานการเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกัน (Interoperability) ของผู้ควบคุมระบบ SO เพื่อพัฒนาความเชื่อมโยงการสั่งการของผู้ควบคุมระบบที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอนาคต ตามกรอบนโยบายที่กำหนด ซึ่งสามารถนำไมโครกริดและโปรซูเมอร์ที่เกิดขึ้นมาบูรณาการใช้ประโยชน์รวมกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาวต่อไป
  3. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ดำเนินโครงการ (EGAT-3-01) นำร่องการพัฒนาสมาร์ทกริดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากแผนการขับเคลื่อนฯ ในระยะสั้น เพื่อเสริมความมั่นคงและความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าในลักษณะไมโครกริด นอกจากนี้ยังมีโครงการ (EGAT-3-03) การก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำและระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ที่จะดำเนินการต่อเนื่องไปจนสิ้นสุดแผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลาง โดยโครงการนี้มีการติดตั้งระบบ Solar Floating และ Hydro ควบคู่กับระบบการกักเก็บพลังงานในระบบโครงข่ายไฟฟ้าของ กฟผ. ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นคงในระบบไฟฟ้า โดยเริ่มทดลองในพื้นที่เขื่อนอุบลรัตน์ ด้วยการใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) ที่เชื่อมต่อโรงไฟฟ้าหลายประเภท เพื่อให้สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าและทำงานร่วมกันผ่านระบบบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  4. การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ได้ดำเนินการโครงการ (MEA-3-01) ศึกษารูปแบบธุรกิจไมโครกริดและโปรซูเมอร์ที่เหมาะสมกับ กฟน. ในระยะแรกควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการ (MEA-3-02) นำร่องการใช้งาน Smart Community ในพื้นที่หมู่บ้านเสนา พาร์ค กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการบริหารจัดการโครงการไฟฟ้าที่เชื่อมโยงกับพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการใช้รถไฟฟ้า (EV) และเตรียมความพร้อมรองรับการขยายผลการพัฒนาระบบไมโครกริดเชิงพาณิชย์ในพื้นที่เมือง ซึ่งจะใช้ประโยชน์ร่วมกับระบบจำหน่ายไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาโมเดลธุรกิจของระบบไมโครกริดและโปรซูเมอร์เชิงพาณิชย์ที่เหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจของ กฟน. เพื่อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาไมโครกริดให้เข้าสู่ระบบการจัดการบนรูปแบบธุรกิจ VPP พร้อมทั้งพัฒนาแพลตฟอร์มของ Aggregator เพื่อสาธิตการใช้งานระบบไมโครกริดในพื้นที่การไฟฟ้าเขตราษฎร์บูรณะของ กฟน. ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นอาคารตัวอย่างในการเรียนรู้ระบบ Facility Microgrid และเพื่อรองรับการพัฒนาระบบไมโครกริด รวมถึงการขยายตัวของพลังงานทางเลือกในเขตพื้นที่บริการ และจัดทำรูปแบบธุรกิจของ Aggregator เพื่อเตรียมรับมือกับการพัฒนาตลาดซื้อขายไฟฟ้าของประเทศ ผ่านการดำเนินโครงการ (MEA-3-03) Virtual Utility ซึ่งจะมีการขยายผลการดำเนินงานออกไปในแผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลาง
  5. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ดำเนินการโครงการ (PEA-3-01) พัฒนาระบบไฟฟ้าแบบโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (Microgrid) ที่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคง ความเชื่อถือได้ และคุณภาพของระบบไฟฟ้าในภาพรวม รวมถึงโครงการ (PEA-3-04) พัฒนาระบบบริหารจัดการแหล่งผลิตไฟฟ้าแบบกระจายให้สามารถรองรับการใช้ประโยชน์ร่วมกับระบบผลิตไฟฟ้า เพื่อรองรับการเติบโตของแหล่งพลังงานทดแทนในภูมิภาคต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงการ (PEA-3-02) ติดตั้งระบบไมโครกริดที่ทำงานร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานชนิดแบตเตอรี่ในพื้นที่เกาะสมุย บริเวณพรุกระจูด จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า รวมถึงการลดการสูญเสียในระบบสายส่งและระบบจำหน่ายที่มีการเดินทางระยะไกล พร้อมทั้งได้ตั้งเป้าหมายโครงการ (PEA-3-05) การขยายผลการพัฒนาระบบไฟฟ้าแบบโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (Microgrid) ไปสู่ภาคอุตสาหกรรมหลายพื้นที่ในภูมิภาคที่ครอบคลุมพื้นที่ของ กฟภ. 12 แห่ง ในระยะที่ 1 ก่อนจะขยายผลสู่การดำเนินงานระยะที่ 2 ครอบคลุมพื้นที่ของ กฟภ. อีก 32 แห่ง ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงแผนในระยะยาว

แผนการดำเนินกิจกรรม/โครงการ ภายใต้เสาหลักที่ 4

ระบบกักเก็บพลังงาน (ESS)

การดำเนินงานภายใต้เสาหลักที่ 4 ที่มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อจะให้เกิดการใช้งาน ESS ในส่วนของ Utility Scale และ End-user Scale โดยการศึกษาทางเทคนิค และเชิงพาณิชย์ (Stacking of Revenue) ผ่านความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ และเอกชน/ความพร้อมของนโยบาย/ข้อกำหนดและกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง/การเตรียมความพร้อมของบุคลากร/ ESS ถูกพิจารณาในการปรับปรุงการวางแผนด้านพลังงาน เช่น แผน PDP แผน EEP แผน AEDP มีการส่งเสริมการใช้งานในส่วนของการไฟฟ้าฯ (Utility Scale) และผู้ใช้งาน (End-user Scale) มีการขยายผลการใช้การไฟฟ้าฯ (Utility Scale) และผู้ใช้งาน (End-user Scale) ในวงกว้าง เริ่มเชื่อมต่อจากกลุ่มผู้ใช้งานระบบกักเก็บพลังงานเพื่อให้บริการระบบไฟฟ้า และเกิดธุรกิจรูปแบบใหม่ (New Business) ของเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานแบบใหม่ (New ESS Technology) มาใช้ในระบบโครงข่ายไฟฟ้าในทุกรูปแบบบริการ แผนกลยุทธ์การดำเนินงาน ภายใต้แผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริดของประเทศไทย ระยะปานกลาง พ.ศ. 2565 – 2574 ในส่วนของเสาหลักที่ 4 ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ดังนี้ ส่วนที่ 1 ด้านนโยบาย (Policies Needed) จะมีการส่งเสริมติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานในระดับโครงข่ายไฟฟ้า (Grid Scale) และระดับผู้ใช้งานหลังมิเตอร์ (Behind-the-Meter: BTM) การส่งเสริมให้ระบบกักเก็บพลังงานรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) การส่งเสริมตลาดไฟฟ้าแบบเสรี (Free Market) มาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ ESS เพื่อให้เกิดความเสมอภาคของการลงทุนเมื่อเทียบกับโครงข่ายไฟฟ้า (Grid Parity)การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านระบบกักเก็บพลังงานให้กับบุคลากร ส่วนที่ 2 ด้านกฎระเบียบข้อบังคับ (Requirement Regulatory) จะมีการจัดทำกฎระเบียบรองรับนโยบายและการดำเนินงานการเชื่อมต่อ โครงข่ายไฟฟ้าสำหรับ ESS การกำหนดมาตรฐานการเชื่อมต่อและการสื่อสารระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่ 3 ด้านเทคนิค (Technical Requirement) จะมีการเตรียมความพร้อมและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบบริหารจัดการ, การพัฒนาการให้บริการระบบกักเก็บพลังงาน (ESS as a Service) โดยมีเป้าหมายสำคัญภายใต้แผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลาง ภายใต้เสาหลักที่ 4 คือ “เกิดการใช้งานในทุกรูปแบบการบริการของระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) ที่เกี่ยวข้องกับโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศไทย รวมถึงมาตรการส่งเสริมรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ (New Business) ของระบบกักเก็บพลังงาน (ESS)” ซึ่งผลประโยชน์ของการดำเนินงานเพื่อใช้ระบบกักเก็บพลังงานเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการในระบบไฟฟ้ารองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 ตามแผน PDP ใหม่และขยายการใช้งานสู่ระบบจำหน่ายไฟฟ้าและระบบไมโครกริดจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น สามารถนำมาเขียนเป็นแผนภาพความเชื่อมโยงดำเนินงานฯ ภายใต้เสาหลักที่ 4 ดังนี้

แผนภาพความเชื่อมโยงของเสาหลักที่ 4

ความสัมพันธ์ภารกิจ/กิจกรรมของ 5 หน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย

การดำเนินงานภายใต้เสาหลักที่ 4 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ จะต้องเกิดการประสานความร่วมมือและบูรณาการแผนการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายตามแผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลาง โดยความเชื่อมโยงภารกิจหรือหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ ของเสาหลักที่ 4 จำนวน 5 หน่วยงาน โดยแต่ละหน่วยงานมีภารกิจการดำเนินงาน ดังนี้

แผนภาพความสัมพันธ์ภารกิจ/กิจกรรมของ 5 หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายเสาหลักที่ 4

  1. สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ดำเนินโครงการ (EPPO-4-01) ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและขับเคลื่อนการใช้งานระบบกักเก็บพลังงานโดยจะเริ่มต้นจากศึกษานโยบายและมาตรการเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้งานระบบกักเก็บพลังงานในระดับ Grid Scale ก่อนจะขยายผลให้ครอบคลุมการใช้งานในระดับ Behind-The-Meter (BTM) พร้อมทั้งศึกษา (EPPO-4-02) การขับเคลื่อนและผลักดันให้เกิดการบรรจุเป้าหมายของระบบกักเก็บพลังงาน ลงไปในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงาน (Energy Transition) นอกจากนี้ในระยะถัดไป สนพ. จะทำการศึกษารูปแบบการส่งเสริมการใช้งานระบบกักเก็บพลังงาน ร่วมกับเทคโนโลยี หรือรูปแบบธุรกิจในอนาคตอาทิ P2P, VPP, P2X เป็นต้น เพื่อบูรณาการระบบกักเก็บพลังงานให้เกิดการใช้งานที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดในระยะยาว
  2. สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน สกพ.) ดำเนินโครงการ (ERC-4-01)  ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและจัดทำหลักเกณฑ์ กรอบกฎระเบียบ ที่จำเป็นและเหมาะสมเพื่อรองรับนโยบายและการดำเนินงานการเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าสำหรับระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) รวมถึงการศึกษา (ERC-4-02) และเตรียมความพร้อมด้านกฎระเบียบที่จำเป็นสำหรับการรับซื้อบริการจากระบบกักเก็บพลังงานตามทิศทางของด้านโยบายให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาว
  3. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินโครงการ (EGAT-4-01) ศึกษาแนวทางการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ (BESS) ที่ สฟ.สตูล และ สฟ.ชุมแพ ในระยะแรกก่อนจะดำเนินโครงการ (EGAT-4-02) โรงไฟฟ้าพลังงานสูบกลับสำหรับเขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนวชิราลงกรณ์ และเขื่อนศรีนครินทร์ ในช่วง 5 ปีหลังของแผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลางต่อเนื่องไปจนถึงแผนระยะยาว รวมถึงโครงการ (EGAT-4-03) นำระบบกักเก็บพลังงานมาเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าที่สถานีไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ.
  4. การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในระยะแรกจะดำเนินโครงการ (MEA-4-01) นำร่องระบบกักเก็บพลังงานสำหรับสถานีย่อยปทุมวัน ก่อนจะขยายผลไปสู่โครงการ (MEA-4-02) นำร่องระบบบริหารควบคุมพลังงาน จาก DER ในระบบจำหน่ายแรงต่ำ และหลังจากนั้นจะเริ่มโครงการ (MEA-4-03) ติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานเพื่อกักเก็บพลังงานหมุนเวียนที่เชื่อมต่อกับระบบจำหน่ายให้มากขึ้น เมื่อต้นทุนของระบบกักเก็บพลังงานลดลงจนคุ้มค่าในการลงทุนในระยะยาว
  5. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินแผนงานในระยะยาวครอบคลุมตลอดระยะเวลาตามแผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลาง จากการดำเนินงานที่แล้วเสร็จของโครงการ (PEA-4-01) นำร่องพัฒนาระบบไฟฟ้าดัวยระบบกักเก็บพลังงานเชื่อมต่อในระบบจำหน่ายพื้นที่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ และโครงการ (PEA-4-02) เพื่อจัดหาระบบกักเก็บพลังงานจากแบตเตอรี่ (BESS) มาใช้งานบนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎรธานี ซึ่งจะมีการดำเนินงานคู่ขนานไปกับโครงการ (PEA-4-03) การพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานเพื่อรองรับการบริหารความต้องการไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียนในระยะที่ 1 ในช่วงกลางถึงปลายแผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลาง ควบคู่ไปกับการขยายผลสู่ระยะที่ 2 ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงแผนในระยะยาว

แผนการดำเนินกิจกรรม/โครงการ ภายใต้เสาหลักที่ 5

การบูรณาการยานยนต์ไฟฟ้า (EV Integration)

การดำเนินงานภายใต้เสาหลักที่ 5 ที่มีวัตถุประสงค์หลัก คือ กำหนดแนวทางการบริหารจัดการยานยนต์ไฟฟ้าที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านการพัฒนาศูนย์ข้อมูลยานยนต์ไฟฟ้า (EV Data Center) เพื่อทำหน้าที่ดูแลจัดการข้อมูลสำหรับวางแผนพัฒนาและบริหารจัดการการใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมกับการใช้เทคโนโลยีการบูรณาการยานยนต์ไฟฟ้าขนาดต่าง ๆ ควบคู่กับการพัฒนาแพลตฟอร์มบนแนวคิดผู้รวบรวมโหลด (EV Aggregator: EVLA) ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญของการจัดการยานยนต์ไฟฟ้าเฉพาะรายพื้นที่โดยในระยะเริ่มต้นการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายทั้ง 2 แห่ง จะทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมโหลดยานยนต์ไฟฟ้าระดับที่ 1 (EVLA Level 1) เพื่อสาธิตและนำร่องการดำเนินงานและเปิดให้เอกชนเข้ามามีบทบาทเป็นผู้รวบรวมโหลดระดับที่ 2 (EVLA level 2) ของช่วงเริ่มต้นการดำเนินธุรกิจและสามารถพัฒนาไปสู่ผู้รวบรวมโหลดระดับที่ 1 ได้หากมีศักยภาพเพียงพอซึ่งผู้รวบรวมโหลดจะเข้ามาช่วยดูแลการบูรณาการยานยนต์ไฟฟ้าทั้งในรูปแบบการอัดประจุอัจฉริยะ (Smart Charge หรือ V1G) และการจ่ายพลังงานไฟฟ้ากลับสู่โครงข่าย (V2X) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการพลังงานไฟฟ้า (Demand) และเสริมความมั่นคงของระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Ancillary Services) ผ่านรูปแบบการให้บริการ (EV-as-a-Services) โดยมีเป้าหมายสำคัญภายใต้แผนขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลาง ภายใต้เสาหลักที่ 5 คือ “เกิดการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีการเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าแบบ V1G และ V2X ครอบคลุมผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทตามแผนการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย” ซึ่งผลประโยชน์ของการดำเนินงานจะสามารถชะลอการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าจำนวนมากได้ในอนาคต สามารถนำมาเขียนเป็นแผนภาพความเชื่อมโยงดำเนินงานฯ ภายใต้เสาหลักที่ 5 ดังนี้

แผนภาพความเชื่อมโยงของเสาหลักที่ 5

ความสัมพันธ์ภารกิจ/กิจกรรมของ 5 หน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย

การดำเนินงานภายใต้เสาหลักที่ 5 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้จะต้องเกิดการประสานความร่วมมือและบูรณาการแผนการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายตามแผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลางโดยความเชื่อมโยงภารกิจหรือหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ ของเสาหลักที่ 5 จำนวน 5 หน่วยงานโดยแต่ละหน่วยงานมีภารกิจการดำเนินงาน ดังนี้

แผนภาพความสัมพันธ์ภารกิจ/กิจกรรมของ 5 หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายเสาหลักที่ 5

  1. สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ดำเนินการศึกษา (EPPO-5-01) การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลยานยนต์ไฟฟ้า ศึกษา (EPPO-5-02) เตรียมความพร้อมธุรกิจ EVLA ศึกษา (EPPO-5-03) EV Dynamic Pricing และศึกษา (EPPO-5-04) EV Integration (Smart Charge) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลฯ ที่จะต้องใช้งานเพื่อเตรียมรองรับรูปแบบธุรกิจผู้รวบรวมโหลด (EVLA) และการบูรณาการทางด้านยานยนต์ไฟฟ้าควบคู่กับนำร่อง/ส่งเสริมการอัดประจุอัจฉริยะ (Smart Charge) และศึกษาความเหมาะสมของการใช้อัตราค่าไฟฟ้าแบบพลวัต (Dynamic Pricing) ไปพร้อม ๆ กัน
  2. สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน สกพ.) ดำเนินการศึกษา (ERC-5-01) กรอบหลักเกณฑ์ที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับ EVLA และศึกษา (ERC-5-02) กรอบหลักเกณฑ์ที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับ EV Integration ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งผลการศึกษาจะใช้จัดทำกรอบหลักเกณฑ์ที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับผู้รวบรวมโหลดยานยนต์ไฟฟ้า (EV Load Aggregator) ควบคู่ไปกับการบูรณาการทางด้านยานยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบต่าง ๆ ตามทิศทางนโยบายของประเทศและกรอบแผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลาง ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
  3. การไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง โดยหน่วยงาน กฟผ. ดำเนินการศึกษา (EGAT-5-01) การถ่ายโอนพลังงาน V2H และ V2G จากศูนย์ควบคุมจำลอง ในส่วนของหน่วยงาน กฟน. ดำเนินการศึกษา (MEA-5-01) วิจัย EV Smart Charging และศึกษา (MEA-5-02) วิเคราะห์ข้อมูล EV ที่เหมาะสม และหน่วยงาน กฟภ. ดำเนินการติดตั้ง (PEA-5-01) สถานีอัดประจุไฟฟ้ารองรับ EV ของประเทศ และพัฒนา (PEA-5-02) ระบบบริหารการอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Management System) โดยทั้ง 3 การไฟฟ้านั้น จะมีหน้าที่รับผิดชอบหลัก คือ เตรียมความพร้อมของระบบและโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถรองรับนโยบายและรูปแบบธุรกิจฯ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

แผนการดำเนินกิจกรรม/โครงการ ภายใต้แผนอำนวยการสนับสนุนการขับเคลื่อน

การดำเนินงานภายใต้แผนอำนวยการที่จะต้องมีการดำเนินภารกิจหรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีความสำคัญและความจำเป็นคู่ขนานไปกับการดำเนินงานของทั้ง 5 เสาหลัก โดยวัตถุประสงค์หลัก คือ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีทั้งด้านระบบไฟฟ้าและด้านดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริด โดยด้านระบบไฟฟ้าจะมุ่งเน้นพัฒนาสถานีไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Substation) และติดตั้ง AMI และสมาร์ทมิเตอร์ (Smart Meter) ให้ครอบคลุมการใช้งานทั่วประเทศ และในส่วนของด้านดิจิทัลที่จะต้องมีการดำเนินงานพัฒนาโครงข่ายการสื่อสาร 5G, ระบบบริหารจัดการพลังงาน (EMS), Cloud-Based Platform, Data Privacy, Cyber Security, Data Analytic, Block Chain, AI & Machine Learning และ 5G Network Slicing โดยเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาและดำเนินการในส่วนของแผนอำนวยการ คือ “เพื่อช่วยสนับสนุนคู่ขนานไปกับ 5 เสาหลัก รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อสนับสนุนงาน Smart Grid และพัฒนาให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ (New Business Model)” ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการเชื่อมต่อแหล่งพลังงานแบบกระจายศูนย์ (DERs) ที่สามารถสื่อสารและสั่งการเพื่อรองรับการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริดเทคโนโลยีในอนาคต จากเป้าหมายฯ ข้างต้น สามารถนำมาเขียนเป็นแผนภาพความเชื่อมโยงดำเนินงานฯ ภายใต้แผนอำนวยการสนับสนุนการขับเคลื่อน ดังนี้

แผนภาพความเชื่อมโยงของแผนอำนวยการ

ความสัมพันธ์ภารกิจ/กิจกรรมของ 5 หน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย

การดำเนินงานภายใต้เสาหลักที่ 2 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ จะต้องเกิดการประสานความร่วมมือและบูรณาการแผนการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายตามแผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลาง โดยความเชื่อมโยงภารกิจหรือหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ ของแผนอำนวยการ จำนวน 5 หน่วยงาน โดยแต่ละหน่วยงานมีภารกิจการดำเนินงาน ดังนี้

แผนภาพความสัมพันธ์ภารกิจ/กิจกรรมของ 5 หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายแผนอำนวยการ

  1. สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ดำเนินการศึกษา (EPPO-6-01) การบริหารแผนการขับเคลื่อนฯ ระยะปานกลาง พ.ศ. 2565 – 2574 ศึกษา (EPPO-6-02) เพื่อกำหนดนโยบาย Grid & Digital Infrastructure พัฒนา (EPPO-6-03) ความร่วมมือและบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลและระบบสั่งการระหว่างการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง รวมถึง DER ศึกษา (EPPO-6-04) พัฒนาเครือข่ายและสร้างความร่วมมือด้านสมาร์ทกริด รวมถึงขีดความสามารถในประเทศด้านสมาร์ทกริด และศึกษา (EPPO-6-05) วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสมาร์ทกริด รวมถึง Grid & Digital Infrastructure และเทคโนโลยีแห่งอนาคต โดยโครงการศึกษาทั้งหมดฯ จะมุ่งเน้นติดตาม บริหาร และปรับปรุงแผนขับเคลื่อนระยะปานกลางให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ ควบคู่กับการพัฒนาความร่วมมือและเชื่อมโยงข้อมูล/ระบบสั่งการของการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง นอกจากนี้ยังเป็นการกำหนดนโยบายและเป้าหมายการพัฒนาและใช้งานโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านระบบไฟฟ้าและดิจิทัลที่ต้องมีการพัฒนาเครือข่าย สนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ มาประยุกต์ใช้ร่วมกับรูปแบบธุรกิจและระบบไฟฟ้าสมัยใหม่ด้วย
  2. สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน สกพ.) ดำเนินการศึกษา (ERC-6-01) กรอบ/หลักเกณฑ์ สำหรับกฎระเบียบ ข้อกำหนด มาตรฐานการเชื่อมต่อและการสื่อสารที่จำเป็นและเหมาะสมต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี Grid & Digital ศึกษา (ERC-6-02) ตรวจประเมินคุณภาพการให้บริการของผู้รับใบอนุญาตฯ และการจัดทำมาตรฐานวิศวกรรมและคุณภาพการให้บริการ ศึกษา (ERC-6-03) โครงการพัฒนากฎระเบียบการกำกับกิจการพลังงานเพื่อรองรับการซื้อขาย RE และ Disruptive Technology และศึกษา (ERC-6-04) โครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน (ERC Sandbox) ที่มุ่งเน้นศึกษาและจัดทำกรอบ/หลักเกณฑ์สำหรับกฎระเบียบ ข้อกำหนด มาตรฐานที่จำเป็นและเหมาะสมต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีด้านระบบไฟฟ้าและดิจิทัล
  3. การไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง โดยหน่วยงาน กฟผ. ดำเนินการพัฒนา (EGAT-6-01) โครงสร้างพื้นฐานด้านโครงข่ายระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ (Grid Modernization) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในส่วนของหน่วยงาน กฟน. ดำเนินการพัฒนา (MEA-6-01) โครงสร้างพื้นฐานด้านโครงข่ายระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ (Grid Modernization) ของการไฟฟ้านครหลวง ติดตั้ง (MEA-6-02) มิเตอร์อัจฉริยะ (AMI) สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าและหม้อแปลงจำหน่าย และหน่วยงาน กฟภ. ดำเนินการพัฒนา (PEA-6-01) โครงสร้างพื้นฐานด้านโครงข่ายระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ (Grid Modernization) ของ กฟภ. จัดหาและพัฒนา (PEA-6-02) Big Data Platform และพัฒนา (PEA-6-03) ระบบมิเตอร์อัจฉริยะ ระยะที่ 1 ส่วนงานระบบมิเตอร์อัจฉริยะ และระบบบริหารจัดการและเชื่อมโยงข้อมูล (Big Data) และการวิเคราะห์ในเชิงลึก (Data Analytic) โดยโครงการทั้งหมดฯ เป็นภารกิจทางด้านเทคนิคที่เป็นการพัฒนาและเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางด้านระบบไฟฟ้าและระบบดิจิทัลตามเป้าหมายหลักของแผนอำนวยการสนับสนุนฯ